Namaskar,

ความจริงมาอยู่ที่ Ahmedabad (อเมดาบัด หรือ อัมดาบัด) ได้สามวันแล้ว (วันนี้เป็นวันที่สี่และพรุ่งนี้จะกลับ -_-‘) แต่บังเอิญห้องไฮโซดันไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้งาน (ลดความหรูลงแต่มีอินเตอร์เน็ตน่าจะดีกว่านะ เหอๆ) แต่จริงแล้วมันมีนะ แต่ชั่วโมงนึงประมาณ 500 รูปีได้ ก้อราว สี่ร้อยกว่าบาทไทย (โอ้พระเจ้าจอร์จ) ก้อเรยต้องอดทน นั่งดูทีวีและอ่านหนังสือพิมพ์แทน

บ่นซะยืดยาวเข้าเรื่องดีกว่า

ทริปนี้ก็ออกเดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ (แต่จริงๆแล้ว ตอนเช้าเข้าไปทำงานที่ออฟฟิตด้วย) โดย สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์, (SQ) , ขอบคุณพี่นกที่เป็นธุระจองให้, วันที่ 18 ที่ผ่านมาคราวนี้ไม่ตื่นสนามบินเพราะมาเป็นครั้งที่สองแถมมี “คริส” (หัวหน้า) มาด้วย

มาการครั้งนี้คริสบอกว่าให้จัดของใส่กระเป๋าใบเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้ไม่ต้องโหลดไปใต้เครื่องบิน เพราะจากประสบการณ์บอกว่า ไม่ควรทำอย่างแรง ถ้าไม่อยากเปลี่ยนกระเป๋าใหม่ ฟังครั้งแรกก็คิดว่าเอาจริงดิ เหอ น่ากลัวชะมัด พอวันเดินทาง ด็อกเตอร์จอร์จ (หัวหน้าคริสอีกที) ก็มาบอกว่าไหนขอดูกระเป๋าหน่อยซิ ไอ้เราก็เริ่มคิดว่า เออมันน่ากลัวขนาดนั้นเหรอ แต่ไม่เป็นไร กระเป๋าก็ไม่ได้ใหญ่โตอยู่แล้ว (มีคนแซวว่า กระเป๋าใบเล็กกว่าตัวเยอะเลย ซะงั้นไป)

ทางไปขึ้นเครื่องถ่ายด้วยมือถือ Nokia 6630 (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ)

18092007.jpg

พอถึงฤกษ์งามยามดี สิบโมงเช้าก็นั่งแท็กที่มาสนามบิน รวมค่าทางด่วนแล้ว ก็ 320 บาทพอดิบพอดี (ต้องเขียนไว้ก่อนจะลืม เด๋วกลับไปเบิก 55) ตัดฉากแว็บกลับมาที่สนามบิน ก็เอา E-Ticket ไปแลกตั๋วเครื่องบิน มาและก็เดินเข้า ต.ม. ทันที (ไม่ได้ถ่ายรูปอีกเช่นเคย เพราะขี้เกียจ ไม่มีโอกาสเท่าที่ควร) นั่งไปซักพัก ตัดฉากไปตอนอยู่บนเครื่องบินเลยดีกว่า โชคดีมากที่เครื่องไม่เต็ม และเครื่องมีของเล่นเยอะกว่า TG พอสมควร (ขาไปมั่วแต่เล่น ไม่ได้ถ่ายรูปอีกเช่นเคย ไว้ขากลับละกัน) ได้ดูหนังไปสองเรื่อง และเล่นเกมด้วย เนื่องจาก SQ ไม่มีเที่ยวบินจากไทยไปอัมดาบัด โดยตรงเลยต้องไปแวะที่ Changi Airport (สนามบินชางกี) ที่สิงคโปรก่อน คราวนี้เพิ่งจะรู้วามี XBox ให้เล่นฟรี ด้วยแต่ว่าเกมส์เปิดอยู่ 555 เล่นไม่เป็น เลยไปนั่งเล่น เดินเล่น เพื่อรอเวลาไปต่อแทน

รูปบริเวณที่นั่งรอเปลี่ยนเครื่อง ที่สนามบินชางกี (แบบไม่ค่อยตั้งใจถ่าย)

dscf8982.JPG

แว็บ ถึง อัมดาบัดแล้ว มีรถบัสเปิดหน้าต่างมารับจากเครื่องไป ต.ม. ใช้เวลาในการผ่าน ประมาณ ยี่สิบนาทีเท่านั้น เนื่องจาก Visa ของ อินเดียเปลี่ยนไปใช้ระบบ รูดปรื๊ดๆ แทนการพิมพ์ข้อมูลซ้ำอีกครั้ง ผ่าน ต.ม. มาได้ก็มี รถจาก โรงแรม The Pride, Ahmedabad มารับทันที่

เรื่องเร้าใจมันอยู่ที่ว่า คงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่า India เป็น City of Horn เพราะว่า การบีบแตร เป็นเรื่องปกติมากๆ เพราะเค้าจะมาหมายถึงว่า “I’m comming, give me the way” หรือ “ตรูมาแล้ว ขอทางหน่อย” คนที่นี่เค้าจะไม่โกรธกัน หรือบางทีไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่ว่า ส่วนใหญ่จะหลีกทางให้ มีเหตุการณ์หวาดเสียวนิดหน่อยคือ รถที่ผมนั่ง ไปคลิ๊ก กับสามล้อ (ที่นี่เรียกว่าอะไรลืมไปแล้ว ไว้ไปหามาให้) ผมนึกว่า คงจะเรื่องยาวแล้วครับ แต่ว่า เค้าก็หันหน้าไปมองกัน (แต่ว่ารถยังคงวิ่งอยู่) แล้วก็ขับต่อ เออ แปลกดี ส่วนตัวแล้วผมว่า ก้อดีไปอย่างนะไม่ต้องมาจอดรถเคลียร์กันให้รถติด คิดเหมือนว่าเดินชนกันแล้วขอโทษก็จบกันไป

ถึงโรงแรมซะที ประมาณ สี่สิบนาทีจากสนามบิน ก็ขึ้นห้องพัก เพราะว่ามันสี่ทุ่มกว่าเกือบห้าทุ่มแล้ว (เมืองไทยก็ประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆ (เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย ชั่วโมงครึ่งครับ หรือ GMT +5.5 นั่นเอง เผื่อบางคนที่อาจจะยังไม่รู้ เมืองไทย จะ GMT +7 สิงคโปร์ GMT+8) ว่าแล้วก็มาดูห้องดีกว่า

แต๊นแตน…

panorama1.jpg

รูปนี้ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ เพราะว่าแสงไม่ดีนัก เห็นสองเตียงแต่ว่านอนคนเดียวนะ (เค้ามีความเชื่อกันว่าไม่ดี แก้เคล็ดโดยการเอาของไปวางไว้อีกเตียงที่ไม่ได้นอนแทน อืม ไม่รู้ไปจำมาจากไหนเหมือนกัน)

ห้องนอนอีกมุมนึง (ถ่ายอีกวันนึง เค้าเปลี่ยนข้างที่ปูทีนอนให้อะ ไม่รู้ทำไม)

dscf9018.jpg

และก็มีนี่ด้วย Good Night Card (ตั้งเอง)

dscf9008.jpg

อาจจะกระชากอารมณ์คนที่กำลังอ่านเพลินๆ แต่คิดว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า แอบใช้เวลางานมาอัพบล็อกพอสมควรและ (เมื่อวาน กลับไปทำงานที่โรงแรมต่อนา… เจ๊าๆกันไป) ไว้มีโอกาสจะมาเล่าต่อภาค สองและสามนะครับ

ปล. Namaska หรือ Namaste’ เป็นคำที่ใช้ทั้งทักทายผมเดาว่าอาจคล้ายๆกับคำว่า นมัสการ (แต่ว่าไทยเราใช้กับสมณะ เท่านั่น)