วันนี้ได้อ่านเมล์ ฉบับนึง เป็นฟอร์เวิร์ดเมล์ เรื่อง หน้าที่เจ้านาย ใจความดังนี้

หน้าที่ของเจ้านายคือช่วยอำนวยความสะดวกในทุกวิถีทางให้ลูกน้องทำงานได้สำเร็จ
ติดขัดตรงไหนต้องช่วยจัดการ ไม่ใช่มองข้อเสนอของลูกน้องเป็นข้อกล่าวหา
แทนที่จะมองเป็นการแสดงความเห็น กลับกลายเป็นมองว่าพูดเพื่อเรียกร้อง

คำสามคำที่ดิฉันจำแม่น และถูกฝังหัวมาตลอดให้ปฎิบัติกับคนอื่น คือ น้ำใจ น้ำคำ
น้ำเงินต้องมีน้ำใจกับลูกน้อง ถามไถ่ทุกข์สุข ครอบครัวเขาเป็นอย่างไร มีลูกกี่คน ลำบาก
หรือสับสนในชีวิตแค่ไหนต้องใส่ใจ
มีน้ำใจอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเป็นลูกหลานในบ้านคิดแค่ครั้งสองครั้งก็พูดได้
แต่ก่อนพูดกับลูกน้อง ต้องคิดสามตลบ ชมเชยต้องให้คนอื่นได้ยิน
ตำหนิต้องเชิญมาให้คำแนะนำกันสองต่อสอง อาศัยฐานของความเมตตาเป็นที่ตั้ง
เหนือสิ่งอื่นใด ต้องดูแลเรื่องน้ำเงิน
ไม่ใช่เอาแต่พูดจาดีหลอกล่อใช้งานจนหัวปักหัวปำ เป็นทาสในเรือนเบี้ย
ทำงานมาหลายสิบปีจนแก่งั่ก ที่นอนยังไม่มีให้ซุกหัว
เจ็บป่วยเป็นไข้เงินจะรักษาตัวยามตกทุกข์ก็ยังไม่มี

แต่ละปีคุยอวดสื่อกำไรเป็นร้อยล้านพันล้าน
กะอีแค่จะเอาเศษเงินหลักล้านมาแบ่งให้ลูกน้องบ้างเถียงกันเป็นปี กลัวสบายน้อยลง

ศาสตร์แห่งการใช้คน ต้องยกให้นักการเมือง สังเกตไหม แม้จะแก่เฒ่า
เรียนต่ำเรียนสูงไม่สำคัญ แต่เก่งในเรื่องศิลปะการครองใจคน
มีที่ปรึกษาระดับดอกเตอร์ชั้นหัวกะทิ เดินตามหลังเต็มไปหมด

การมีคนหนุ่มที่ยอมซูฮกคนแก่ด้วยความนับถือในประสบการณ์ ศรัทธาในคุณธรรม
นั่นแหละคือศิลปะการใช้คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ฟังความแล้วเลยสงสาร เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ต้องอยู่ในวังวนของคนที่สักแต่ว่า
มีตำแหน่งให้เรียกว่า เจ้านาย จะว่าเป็นเจ้านายป้ายแดง
ประเภทมือใหม่หัดขับก็ไม่ใช่ เพราะตัวเลขอายุก็ไม่ใช่น้อย
มีประสบการณ์ผ่านงานกันมาแล้วทั้งนั้น

แต่เป็นเจ้านายมือไม่ถึงเสียมากกว่า ไม่ถึงทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์
และคุณธรรมเบื้องต้น รู้ว่าควรทำอะไรก็ไม่สนใจศึกษา แต่ดิฉันว่า
การศึกษายังน้อยกว่า คุณธรรมเบื้องต้นที่มีอยู่ในตัว

คนเราไม่มีหลักธรรมนำทาง คิดเท่าไหร่ ก็เดินเป๋ไปเป๋มา เหมือนแม่ปู
ทำอะไรก็เป็นไม้หลักปักเลน เป็นแก่นให้ใครเกาะไม่ได้
ขืนใครไปยึดเข้าก็พากันซวนเซไปหมดอย่างเดียว ขาดภาวะผู้นำอย่างรุนแรง

หากเราเป็นลูกน้อง ก็คงยากจะไปจัดการ ต้องให้เป็นการบ้านของผู้บริหารที่สูงกว่า
เขาอยากได้องค์กรปู คือเป๋ไปเป๋มา ก็เรื่องของเขา ส่วนเราคนตัวเล็กๆ
ก็ต้องหัดคิดเพื่อสุขภาพจิตที่ดีของตัวเองว่า

เจอเจ้านายไม่ดี ถือว่าเรามีโอกาสให้แสวงหา ให้เรียนรู้ ดูเป็นตัวอย่าง
แต่ถ้าเจอเจ้านายเข้าท่า ให้ถือว่ามีครูดี

ทุกคนต้องเป็นทั้งเจ้านายคนอื่นและเป็นเจ้านายตัวเองทั้งสิ้น

ท่านพุทธทาสสอนไว้ ไม่ให้ยึดติดกับสิ่งที่เป็น
แต่เมื่อถึงคราวต้องเป็นอะไรก็แล้วแต่ “ต้องเป็นให้เป็น”

เมื่อศรัทธาเจ้านายไม่ได้ ก็อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ความหมาย
คนอื่นจะเป็นอย่างไรเรื่องของเขา หันมาทำตัวเองให้น่าศรัทธาก็พอ

เวลาของคนเรามีน้อย อย่าต่อสู้และต่อต้านในสิ่งที่เสียเวลา ตัวอย่างมีให้เห็น
เลือกเป็นในแบบที่เราศรัทธา

วันหนึ่ง เมื่อเราเป็นเจ้านาย
ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอยให้ลูกน้องมานั่งนินทาลับหลัง…
…แบบที่เรากำลังว่าเขานี่ไง…… – -”

บทความ โดย ถนอมจิต คงจิตต์งาม
——————————————————————————

ขอมองแบบขวางโลกนิดหน่อย

ถ้าเป็นลูกน้องที่ดี ใครๆก็คงอยากได้ คงต้องออกไปตามหาหัวหน้าที่ดีที่อื่นแล้วนะครับ อย่าอยู่ให้ลำบากใจเลย
อิอิอิ

สวัสดี