Namaska!
หลังจากปล่อยภาคแรกออกไป ก็มีเมล์มาถามว่า “ไม่เห็นพูดถึงอาหารกับกลิ่นอินเดีย บ้างเหรอ น่าประหลาดใจมากๆ” ภาคสองเลยต้องจัดให้ เป็นอาหารล้วนๆ แต่บอกก่อนว่า ไม่ครบตามที่เจ้าบ้านพาไปลองนะครับ เพราะ บางช็อตก็ลืม รู้ตัวอีกทีหมดแล้ว (ก่อนมา หลายๆ คนห่วงเรื่องอาหารการกิน และหวังว่าจะผอมกลับไป บางคนถึงกับรอ เลี้ยงฉลองวันกลับ ขนาดนั้น)
มั่วแต่ โม้อยู่ได้ว่าแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า เชิญชม
ที่เห็นเป็นขอบพิซซ่า (ไม่ใช่ของผมคนเดียวนะ) เอามาเรียงเป็น ชื่อแผนกหน่อย MI, Market Intelligence เห็นแบบนี้ไม่ใช่พิซซ่าทั่วไปนะครับ แบบว่าส่วนประกอบมาจากวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารอินเดียล้วนๆ เลย แปลกไปอีกแบบ ดูต่อเลยดีกว่า เป็นไอติม หลังพิซซ่า นั่นเอง
ต่อๆๆ เริ่มเข้าของจริงแล้วคับ
Bhel (เบล) เป็นของกินเล่นครับ แต่กินเยอะมันก็อิ่มได้นะ รสชาติ เปรี้ยวมาก เผ็ดนิดๆ เวลากินจะต้องใส่ ซอสมะเขือเทศด้วย แต่ว่าผมไม่ชอบอะ ขาวๆ ที่เห็นก็เป็นชีส นั่นเอง กินไปได้ครึ่งเดียว จอดแล้วครับ กินน้อยอร่อยดี กินเยอะๆ ไม่ไหวความเปรี้ยวในร่างกายจะขึ้นสูงมาก
Masala Papad (มาซาล่า ปาปาด) อันนี้ก็ออกรสจัดและเผ็ดร้าย (spicy) , ตั้งเองอีกแล้ว, ถ้าเผ็ดร้อน (Hot) จะเกิดจากพริก ที่บอกเผ็ดร้ายก้อคือมันเผ็ดแบบฉุนๆ อะครับถ้าจิตนการไม่ออกให้ เอา หัวหอมแดง และหัวหอมใหม่ มาสับแล้วตักกิน ก็จะได้ภาพชัดเจนขึ้น ตัวแป้งด้านล่าง จะคล้ายๆกับ มันฝรั่งทอดกรอบ (แต่จริงๆแล้วเป็นแป้งชนิดนึงรสชาติเค็มๆ ซึ่งไม่รู้เรียกว่าอะไร) โดยรวม กินเล่นๆได้ (เพราะมันเป็น ออร์เดิร์ฟ) กินจริงๆ น้ำหูน้ำตาไหล
ของกินเล่น รายการต่อมา คือ Green Veg ก้อนสี่น้ำตาลแต่ถ้าดูข้างในจะเป็นสีเขียว ชื่อก้อบอกแล้วว่าทำจาก ผักแน่นอน แต่ว่ารสชาติกินแล้วไม่รู้เลยว่า มีผักอะไรอยู่บ้าง ส่วน ซอสสีเขียวๆ ที่เป็น เรียกว่า Chutney (ชั่นนี่) รสชาติออกเปรี้ยวๆ เข้ากับ เจ้าก้อน Green Veg ได้ดี ทำให้ไม่เลียนเกินไป (แต่จริงๆแล้วมันเลี่ยน) แถมหัวหอมใหญ่อีกนิดหน่อยก็อร่อยไปอีกแบบ (ข้อแนะนำ ไม่ควรกินต่อก้อนที่สองเพราะจะทำให้กินอะไรไม่ลงอีกแน่นอน)
เข้ารายการหลักดีกว่า เริ่มด้วยนี่เลย โรตี และ นาน ที่หลายคน ฝากเอากลับไป แต่คงเป็นไม่ได้ เพราะมันคงเน่าพอดี ดูรูปไปละกันนะ
ต่อไป นาน (Naan) ใช้แป้งแบบเดียวกับขนมปัง แต่ว่าไม่หมัก เอาไปแปะโอ่ง แล้วมาทอดกับเนยอีกที (อุดมสมบรูณ์ไปด้วย คอเรสเตอรอล)
เขียวๆ ที่เห็นเรียกว่า Tawa VEG กับสีออกส้มๆ คือ Chicken Handi ไม่รู้ว่ามันทำมายังไงแต่ว่า สองอันนี่รสชาติก็จะคล้ายๆ ผสมกันกินก็เข้ากันได้ดีรสชาติ นึกถึงแพนงที่รสชาติจืดหน่อย แล้วก็ข้นๆ ก็พอจะทำให้จินตนาการออกได้บ้าง
หมดเมนูหลัก ก็มาถึงคราวของหวานแล้วคราวนี้ไม่ใช่ไอศครีม แต่เป็น Rasgulla (ราสกูลล่า) หน้าตาจะเป็นแบบนี้
รสชาติพอกินเข้าไปปุ๊บ มันหวานแบบหวานจริงๆเลย มันคือขนมปังที่ไปแช่น้ำเชื่อมนี่เอง (โอ้ หวานโคตร) ใครอยากลองชิม มีตัวแทนที่ให้รสชาติเหมือนกันคือ ขนมปังฟาร์มเฮาส์ ชุบ นมข้นหวานตรามะลิ แล้วเอาช้อนกวนๆๆๆ จะได้รสชาติเหมือนกัน ยังกับฝาแฝดเลยทีเดียวเชียว (ปล. ไม่ได้ค่าโฆษณาจาก ฟาร์มเฮาส์แล้วก็นมตรามะลินะ จะบอกให้)
หลังจากกินเสร็จเรียบร้อย แบบใช้ช้อนและไม่ใช้ช้อน (ถ้าเป็นคนอินเดียจริงจะใช้แค่มือเดียว และสามนิ้วเท่านั้น แต่เราตัวปลอม ใช้ไปสองมือ แปดนิ้ว เหอๆ ถ้าสั่งเกตุรูป มันเบลอๆเพราะว่ามือเลอะ ไม่ค่อยกล้าจับกล้องมานั่นเอง) หลังจากเสร็จเค้าจะมี น้ำอุ่นใส่มะนาวมาให้ล้างมือ เพื่อดับกลิ่นเครื่องเทศต่างๆ (แต่มันติดข้ามวันอะ) เค้าจะมีคล้ายๆ ขนมๆ ให้เคี้ยวเพื่อดับกลิ่นปากด้วย เรียกว่า Sauf (ซอฟ) หน้าตาเป็นแบบนี้
วันที่สาม เรารู้ตัวกันก่อนว่า ตอนเย็นจะเจอศึกหนัก (เลี้ยงส่ง) เลยกินอะไรแบบเบาโดยการซื้อเข้ามากินในออฟฟิต หน้าตาก็ประมาณนี้นะ จำชื่อไม่ได้สองอย่าง (ข้าวกับอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามีถั่วลันเตา)
คุ้นๆว่ามี Papad (ซ้ายสุด), Roti (ซ้ายบน), Corn Soup (ขวาบน), Paneer Pasand (ขวา)
หมดแล้วอ้าว มื้อเย็นหละ แบบไม่ได้เอากล้องไป แต่ว่า อาหารที่ไปกินเป็นอาหารอินเดียทางตอนเหนือ ซึ่งก้อมีทั้งโรตี ปาปาด แล้วเนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อแกะ ย่าง พร้อมกับ ชีสทอด หอมทอด แล้วก็อะไรซักอย่างรสชาติเหมือนแพนง โดยรวมแล้วอร่อยมากมาย (อีกแล้ว) ที่สำคัญฟรีอีกแล้วครับท่าน ชื่อร้าน Curry (ความอร่อยวัดได้จากคนที่มารอครับ โชคดีที่เราจองไว้ไม่งั้น อด แถวยาวขนาด MK ในวันหยุด)
หลังจากนั้นเจ้าภาพเราก็พาไปกินไอติม handmade ต่อ ชื่อร้าน JAYSINGH’S โดยไอศรีมที่นี่เค้าจะใช้นมใส่ถังเหล็กแล้วเอาถังไปใส่ไว้ในถังไม้ที่มีน้ำแข็งแล้วก็เขย่าๆ ไปเรื่อยจนมันกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็ง รสชาติจะเข้มข้นมากๆ ออกกลิ่นโยเกิตนิดๆ แล้วก็มี อัลมอล กับถั่วอีกสองสามอย่าง ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง ยังคุยกับคริสว่า น่าจะเอามาขายที่เมืองไทย อย่างน้อยก็ย่านพาหุรัด และ ย่านอโศก (แถวๆสถานฑูตอินเดีย) คงจะมีคนกินแน่ๆ
โม้มาเกือบหมด (ที่จริงมีเยอะว่านี้ แต่จำบ่อได้แล้ว ไว้คราวหน้ามาเก็บตก) ลืมพูดถึงอาหารในโรงแรม (มื้อเช้า) ไปได้ยังไงกัน คือแบบว่า ก็มี โอมเล็ต ซุปถั่ว ขนมปัง กาแฟ และอื่นๆ ที่กินไม่เป็น นอกจากนั้นๆ ซ้ำๆกันทุกวัน
ส่วนตอนเย็นยกเว้นวันเลี้ยงส่ง งดครับผม ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว
อ้อพูดถึงน้ำ ที่นี่ถ้าจะดื่มน้ำต้องเป็นน้ำจาก ขวดที่แพ็คมาอย่างดีเท่านั่นนะครับ ไม่งั้นโอกาสท้องเสียจะมีสูง (เนื่องจากเราไม่คุ้น ด้วย) และควรดื่มน้ำมากๆหน่อย เพราะอากาศจะร้อนกว่ากรุงเทพพอควร แถมฝุ่นเยอะด้วย (ตอนแรกจะสั่ง Coke Zero ไม่มีขายนะครับ แต่มี Seven Up มะนาวขายแทน แปลกดี)
ปล งานนี้ไม่ใช่ผมไปเสาะหามานะครับ มีแม้ช้อยประจำทริป ไว้คราวต่อๆไปจะมาแนะนำ ตอนนี้ ผมก็ขอจบภาค อาหารการกินแต่เพียงเท่านี้ครับผม