หลังจากปล่อยให้ blog เกี่ยวกับภาษียึดครองมานาน ได้เวลากลับมาอัพเดทซะหน่อย สืบเนื่องมาจากว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้ไปปล่อยชีวิตให้ล่องลอยในญี่ปุ่นคนเดียว อยู่อาทิตย์นึง และได้ไปที่ๆ คิดว่าคนไทยไม่ค่อยไป (มั๊ง) แต่น่าสนใจ เลยเอามาเล่าให้ฟังเผื่อว่าจะสนใจไปกันนะครับ
การเตรียมตัวเที่ยวคนเดียวแบบไม่เตรียมตัว (งงมั๊ย?)
จริงๆแล้วการเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นสามารถหาอ่านได้ทั่วไปเลยครับ แต่เตรียมตัวมากไม่ลุ้น บางทีการได้ไปมั่วๆ บ้างก็สนุกดี แต่สิ่งที่อยากจะแชร์คือการไปญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด อ่านภาษาอังกฤษออกนิดหน่อยเอาไว้ดูป้าย กับใช้ google map ก็พอแล้ว (หรือถ้าใครความจำดี นี่สบายเลย) เพราะ ไปทริปนี้ เรียกว่า ทริปใบ้ เพราะถึงพูดภาษาอังกฤษไป เราก็จะได้ฟังภาษาญี่ปุ่นกลับมา เย่…
อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าคิดจะไม่เตรียมตัวเลย สิ่งที่ควรมีติดตัวคือ
Smartphone + Internet + แบตสำรอง
ข้อนี้จำเป็นมาเพราะ ต้องใช้ Google Map หาข้อมูลของสถานที่ ๆ จะไปหรือเส้นทางการเดินทางไว้บ้าง หรือ ใช้ Google Translate บ้าง (ในกรณีต้องคุยกับคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้จริงๆ) รวมไปถึง ใช้เว็บ Hyperdia.com ในการดูตารางรถไฟ ตอนแรกก็พยายามลง app แต่ลงไม่ได้เพราะต้องเปลี่ยน store ก่อน ซึ่งถ้าเปลี่ยนแล้วมันจะกลายเป็นภาษาญี่ปุ่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ (เลยไม่กล้าเปลี่ยน กลัวจะงานเข้า) ตอนไปก็มีหลายเว็บให้สั่งแต่ตอนไป สั่งของ bmobile ซึ่งเป็น visitor sim จากเว็บแล้วให้ไปส่งที่ไปรษณีที่สนามบินเลย สั่งจากที่นี่ ใช้ได้ไม่จำกัดแต่ ถ้าเกิดใช้เกินวันละ 1 GB เกินสามวันติดต่อกัน เค้าจะตัดการใช้งานนะ
JR Pass + IC Card + เงินสดนิดหน่อย
จริงๆแล้ว JR Pass ก็มีหลายรูปแบบ เรียกว่าเป็นบัตรเบ่งในการขึ้นรถไฟเลย ถ้ามีก็สบาย อยากจะโดดขึ้น โดดลง ยังไงก็ได้ ไม่ต้องมาเสียเวลา ซึ่งจริงๆ ถ้ารู้ตัวว่าจะเที่ยวโซนไหน (คือทำการบ้านไปนิดนึง) ก็จะประหยัดขึ้นเยอะเพราะจะมี JR ให้เลือกหลายแบบมาก ตามเว็บนี้เลย แต่ ด้วยความไม่เตรียมตัว และรู้ว่าต้องขึ้น Shinkansen ก็เลยจัด JR ตัวใหญ่มาเลย ซึ่งการซื้อต้องซื้อ voucher ที่เมืองไทย (เพราะมันเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น เลยไม่มีขายที่ ญี่ปุ่น) แล้วเอาไปแลก JR Pass ตัวจริงตอนที่ไปถึงญี่ปุ่นอีกทีนึง)
JR Pass จะมีระบบวันที่ใช้วันแรกกับใช้วันสุดท้ายตัวโตๆ รวมไปถึงการจอง Shinkansen ต่างๆ
IC Card เป็นบัตรเงินสดที่มีหลากหลายมากๆ แต่หลัก ที่คนไทยใช้กันจะมี Suica (ถ้าซื้อจาก Tokyo) กับ ICOCA (ถ้าซื้อที่ โอซาก้า) มีรายละเอียดที่เว็บนี้ เอาไว้เวลาบัตรเบ่ง JR Pass เราใช้ไม่ได้ เช่น รถไฟใต้ดินเอกชน ร้านสะดวกซื้อต่างๆ หรือแม้กระทั่งตู้กดน้ำ ทำให้เราไม่ต้องประสบปัญหาในการพกเหรียญ และทอนเงิน แตะปุ๊บ ตัดปั๊บ สบายใจ
อันนี้เป็น ICOCA เพราะซื้อที่ Osaka นั่นเอง
เงินสด ควรจะมีบ้างเพราะในบางที่ ตู้กดน้ำไม่รับ IC Card ก็ต้องหยอดเหรียญหรือแบงค์ หรือร้านอาหารก็ต้องใช้เงินสด (ยกเว้นร้านใหญ่ๆ อาจจะรับบัตรเครดิต) แต่อย่าลืม เราไม่ได้เตรียมตัวไป แล้วอยากเข้าไปกินร้านไหนก็เข้าไปดังนั้น มีไว้ก็อุ่นใจ อ่อ เคล็ดลับถ้ากลัวเหรียญ (บางที่จะมีเหรียญ 1, 5, 10 yen เยอะมาก) แนะนำว่าอย่ารีบกำจัดมัน ให้สะสมให้ได้ร้อยกว่าเยนแล้วเอาไปจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อทีเดียว เพราะทุกๆ ครั้งที่เราเอา เหรียญไปใช้ถ้าไม่พอดี เราจะได้เหรียญกลับมาเพิ่ม การแลกเงินถ้าไม่คิดมาก แลกที่ไหนก็ได้ เพราะต่างไม่เยอะ (ยกเว้นแลกเป็นแสนบาท ก็อาจจะเยอะ) บางทีมาแลกที่ญี่ปุ่น ที่สนามบินได้เรทดีกว่า ถ้ากลัวพลาดควรมี US Dollar พกไว้บ้างถ้าหากจะมาลุ้นแลกที่ฝั่งญี่ปุ่น
ที่ซุกหัวนอน
อันนี้แล้วแต่ ตอนแรกก็จะไม่จองเหมือนกัน แต่คุณเพื่อนที่ทราบว่าเราจะเดินทางบอกว่า จองหน่อยเหอะก็เลยจองผ่าน Agoda.com ไปส่วนใหญ่จะจองแบบไม่มีข้าวเช้า (ถ้ามันถูกกว่า) เพราะอะไรหนะเหรอ ขี้เกียจตื่นนั่นเอง แต่เนื่องจากทริปนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาญี่ปุ่นคนเดียว เลยคิดว่า งั้นจองดีๆ ละกันเพราะ มาพักผ่อน เรื่องนอนดี อาบน้ำสบายต้องมี และแน่นอน จะดีมากถ้ามี WIFI และ TV ด้วย ที่พักที่พักคราวนี้คือ The Tokyo Dome, APA Villa Hotel, Mecure Narita ไปพักหนิหน่า เน้นสบายไว้ก่อนฮิๆ
ยารักษาโรค
อันนี้สำคัญนะ (แต่เอามาใส่ข้อสี่ ฮ่าๆ) มันไม่เปลืองที่มากหรอก ยาดมแก้วิงเวียน แก้ปวดหนึ่งแผง แก้หวัด แก้ไข้ หนึ่งแผง แก้ปวดเมื่อยแบบสเปรย์ คือเพราะไปคนเดียวการรักษาตัวเองเบื้องต้น ส่วนที่บอกว่าให้ใช้ สเปรย์ฉีดแก้ปวดเมื่อยเพราะว่าสะดวกดี มือไม่เปื้อนดี และแห้งเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่วนตัวใช้ Perskindol ขวดเหลือง (แบบร้อน) เคยลองสีฟ้าแล้วมันเย็นไป (ญี่ปุ่นมันหนาวอยู่แล้ว) และรู้สึกว่า มันฉีดแรงกว่าด้วยเจ็บเนื้อ
รองเท้าผ้าใบกับใจถึง ๆ
เตรียมตัวหลงเลย หรือบางที เดินไกลจนคิดว่าหลง หรือ บางที่ที่ต้องเดินไปมันเงียบ… มาก… ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมันไม่ใช่ที่ ที่คนอื่นไปในเวลานั้น อะไรแบบนี้ คือไม่เตรียมตัวไง ก็อาจจะได้ไปในที่ ที่คนอื่นเค้าไม่ไปกัน รวมไปถึง google map ก็อาจจะพาเรางงๆ ในบางวันที่เมฆเยอะๆ ฟ้าครึ้มๆ
ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการเตรียมตัวเที่ยวแบบไม่เตรียมตัว ในตอนต่อไปมาดูดีกว่าว่าไปไหนมาและกินที่ไหนบ้าง น่าจะอัพเดทตามนี้แหละ
- Railway Museum, Onari, Saitama
- Ikeda Castle, Ikeda, Osaka
- The Instant Ramen Museum, Ikeda, Osaka
- Koamijinja Shrine, Chuo, Tokyo
- Naritasan Shinshō-ji Temple, Narita, Chiba
- อื่นๆ หลงผ่านไปบ้าง เดินผ่านแบบงงๆ บ้าง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าไปตั้งเจ็ดวัน มีแค่นี้ ก็ขอบอกว่า “ครับ” ฮ่าๆๆๆ