สวัสดีคะกลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะ คราวที่แล้ว แจงเล่าเกี่ยวกับที่มาที่ไปของ การประกัน ไปแล้ว ขออนุญาตทบทวนกันก่อนสักนิด (เผื่อบางคนลืมแล้วขี้เกียจกลับไปอ่าน) เพื่อจะได้เข้าใจตรงกันว่า การทำประกันทำเพื่อทดแทนความสูญเสีย ไม่ใช่เพื่อ ทำกำไร

เมื่อเกิดความเสี่ยง เราก็จัดการกับความเสี่ยงด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยง การควบคุม และการยอมรับความเสี่ยง ( ประมาณว่า ยอมรับชะตากรรม ) แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ เลยเกิดการ ย้ายความเสี่ยงไปให้คนอื่นเสี่ยงแทนซะเลย นี่แหละ จึงทำให้เกิดการประกันขึ้น แล้วคนอื่นที่ว่า ก็บริษัทประกันทั้งหลายนั่นแหละ ที่มารับความเสี่ยงแทนเรา

วันนี้ เราจะมารู้จักกันว่า ประกันชีวิต คืออะไร ?

คำถามนี้เป็นคำถามง่ายๆแต่ตอบยากน่าดู เพราะประกันชีวิต ก็เป็นการย้ายความเสี่ยงในชีวิตของเราไปไว้กับคนอื่น ดังนั้น คนที่จะตอบคำถามได้ถูกต้องที่สุด ก็คือ ตัวเรา นั่นเอง !!!!!!
ยกตัวอย่าง
นาย ค เป็นหัวหน้าครอบครัว รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวทุกอย่าง ถ้านาย ค ทำประกันชีวิต คำตอบของนาย ค ก็คือ ประกันชีวิตเป็นหลักประกันรายได้ของครอบครัว
นาย ง เป็นคนโสด รายได้ทั้งหมดที่หามาได้ ก็ใช้คนเดียว บริษัทที่ทำงานอยู่ก็มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่ดี แต่
นาย ง เป็นคนเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ถ้านาย ง ทำประกันชีวิต คำตอบของนาย ง ก็คือ ประกันชีวิตเป็นระบบการเก็บเงินที่ดี

ดังนั้น คำตอบจึงของคำถามนี้ จึงมีได้มากมาย เช่น…

  • เป็นทุนการศึกษาลูก
  • เป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
  • เป็นค่าตัว
  • เป็นการลดหย่อนภาษี
  • เป็นการวางแผนเกษียณอายุ
  • เป็นมรดกให้ลูกหลาน
  • เป็นค่าตัวคีย์แมนของบริษัท
  • เป็นการค้ำประกันหนี้สิน ( เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ )
  • เป็นการแก้เคล็ด
  • เป็นเงินไว้เลี้ยงดูกรณีทุพพลภาพ
  • เป็นการตัดรำคาญตัวแทน ( อันนี้ได้ผลดีมาก…555 )
  • เป็นการช่วยตัวแทน สนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ ( อันนี้ยิ่งดีใหญ่เลย…555 )

คำตอบของคำถามนี้ ไม่มีคำตอบใด ถูก หรือ ผิด เพราะแต่ละคนย่อมมีความเสี่ยงและความรัก ความห่วงใย ในแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน

วันนี้ ลองสำรวจตัวเองดูซิว่า คุณมีความเสี่ยงเรื่องอะไร แล้วจะจัดการความเสี่ยงนั้นยังไง ?

คราวหน้า มาดูกันว่า ประกันชีวิต มีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับความเสี่ยงที่แตกต่างกันยังไงบ้าง เผื่อคนที่สนใจจะได้รู้กันเสียทีว่าตัวเองควรเลือกแบบไหนจึงจะเหมาะที่สุด